วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2559

7 ข้อควรทำ…เมื่อเปิดเทอม



1 ตั้งเป้าหมาย
กำหนดเป้าหมายไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เลย ว่าที่เราจะเรียนไปทั้งหมดในปีนี้ เราต้องการอะไร เช่น ปีนี้อยากได้เกรดเฉลี่ยเกิน 3.00 ก็ว่ากันไป~(ไม่ควรตั้งต่ำหรือสูงเกินไป) เมื่อมีเป้าหมายแล้วจะทำให้เราตั้งใจเรียนมากขึ้น จากที่เรียนมั่งไม่เรียนมั่ง เกรดเท่าไรก็ช่างมัน พอมีเป้าหมายทำให้รู้ว่าต้องตั้งใจเรียนมากน้อยแค่ไหน ขยันมากน้อยแค่ไหนถึงได้เกรดตามที่เราตั้งไว้ พอตั้งเสร็จแล้ว อาจจะไปทำสนธิสัญญากับท่านพ่อท่านแม่ก็ได้ว่าเทอมนี้ถ้าผมได้เกรดเท่านี้ ท่านพ่อจะซื้อ…ให้นะ (เมื่อมีของรางวัลมาล่อ ก็อาจจะทำให้เราตั้งใจเรียนมากขึ้นก็ได้)
2 สะสางงานแต่ต้นเทอม
หลายๆ คนชอบชะล่าใจ เวลาอาจารย์สั่งงานตั้งแต่ต้นเทอม…”โอ๊ย อีกตั้งเดือนนึง กว่าจะส่ง ไว้ทำวันหลังก็ได้” จากนั้นพอไปถึงกลางเทอม งานก็ทับถมมาเรื่อยๆ สุดท้ายก็ทำไม่ทัน…จริงไม่จริง?
3 งานด่วน มาก่อนงานใหญ่
งานที่ส่งก่อนก็น่าจะทำก่อน ไม่ใช่เรียงลำดับการทำงานตามใจชอบ “โอ๊ย วิชานี้ไม่ชอบเลย ทำวิชานั้นก่อนละกัน” แต่วิชานี้มันส่งก่อนวิชานั้นนี่หว่า…เมื่อท่านทำวิชานั้นเสร็จ ก็เลยกำหนดส่งวิชานี้ไปแล้ว
4 เลือกทำเลที่นั่งให้ดี
ทำเลที่นั่งในห้องก็มีผลต่อการเรียนเหมือนกัน ควรเป็นที่ที่เห็นกระดานชัดๆ หนีเรียนสะดวก หลับสบาย อ่านการ์ตูนใต้โต๊ะไม่มีใครเห็น ข้อนี้คงเป็นสาเหตุของปัญหารถติดวันเปิดเทอมวันแรกสินะ…วันแรกใครๆ ก็อยากให้ ผปค.ไปส่ง จะได้ยึดทำเลดีๆ ไว้ ได้นั่งใกล้เพื่อนสนิท ใกล้พัดลม ฯลฯ

1891396878c0d01646be1cd5d7622fab

5 คบเด็กเรียนไว้สักคน…
ถ้ายังไม่มีเพื่อนที่เรียกได้ว่าเป็นเด็ก(บ้า)เรียน ควรรีบหาไว้สักคนนึง ยิ่งถ้าท่านเป็นคนชอบโดด หรือหยุดเรียนบ่อย บลาๆ ยิ่งสำคัญเข้าไปใหญ่ เพราะเวลาคาบไหนที่เราไม่อยู่ จะได้มาตามงานทีหลังได้ ถามเด็ก(บ้า)เรียนไปเลยว่ามีงานอะไรบ้าง
ถ้าเรามัวแต่ถามคนที่โดดบ่อยๆ เหมือนกัน ชีวิตก็จบ…
a: เฮ้ย คาบ อ.XX มีงานไรมั่งวะ พอดีไม่ได้เข้า
b: ไม่รู้ โดดเหมือนกัน….
6 เลือกคาบโดดเรียน
ก่อนโดดเรียนก็คิดสักนิดเถอะว่าโดดแล้วมีผลกระทบมากน้อยแค่ไหน เลือกวิชาที่โดดแล้วมีผลน้อยที่สุด เป็นวิชาที่ท่านถนัด ไม่ต้องเรียนก็ทำงานส่งได้ เช่น อาจจะเป็นคณิตศาสตร์ หรือ ศิลปะ อะไรอย่างนี้ แต่แนะนำว่าอย่าโดดดีที่สุด อย่างน้อยไปนั่งหลับ / อ่านการ์ตูนในคาบก็ยังดี อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าเขาสั่งงานอะไรบ้าง + ไม่โดนตัดคะแนนฝ่ายปกครอง
7 อย่ามีเรื่องกับ อ.ประจำชั้น
การมีเรื่องกับอาจารย์ประจำชั้นตั้งแต่ต้นปีช่างเป็นฝันร้ายเหลือเกิน เพราะเราจะมีความรู้สึก…ว่าเราเป็นลูกเมียน้อยตลอดปี

ที่มา : http://teen.mthai.com/education/93072.html

8 ข้อน่ารู้ของเด็กคอนแวนต์



            1. คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร เป็นคณะนักบวชคาทอลิกหญิงที่ก่อตั้งขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส ได้เดินทางเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2441 เพื่อช่วยเหลืองานด้านพยาบาลในโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2448 ภคินีของคณะได้เข้าช่วยงานสอนภาษาต่างประเทศ การเย็บปักถักร้อย และดนตรีในโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ และร่วมกับมุขนายกฌอง หลุยส์ เวย์ ก่อตั้งโรงเรียนซางตาครู้สคอนแวนท์ในปี พ.ศ. 2449
2. ในปัจจุบันคำว่าคอนแวนต์มักใช้หมายถึงเฉพาะชุมชนนักบวชหญิง เนื่องจากภคินีคาทอลิกในประเทศไทยส่วนมากทำงานด้านการศึกษา คอนแวนต์ในประเทศไทยจึงมักเปิดเป็นโรงเรียนด้วย ปัจจุบันนี้คณะภคินีเซนต์ปอล เดอ ชาร์ตร มีโรงเรียนในสังกัดทั้งสิ้น 21 แห่ง ได้แก่ อัสสัมชัญคอนแวนต์, ซางตาครู้สคอนแวนท์, เซนต์โยเซฟคอนเวนต์, เซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์, เซนต์โยเซฟ นครสรรค์, เซนต์ปอลคอนแวนต์ ศรีราชา, เซนต์โยเซฟระยอง, เซนต์โยเซฟบางนา, เซนต์โยเซฟศรีเพชรบูรณ์, เซนต์โยเซฟทิพวัล สมุทรปราการ, เซนต์โยเซฟเกาะสมุย, เซนต์ปอลหนองคาย, โรซารีโอวิทยาหนองคาย, เซนต์โยเซฟเพชรบุรี, เซนต์โยเซฟท่าแร่, อัสสัมชัญคอนแวนต์ สีลม, เจ้าฟ้าอุบลรัตน์ เชียงใหม่, เซนต์โยเซฟแม่ระมาด, เซนต์ฟรังซีสเซเวียร์เมืองทอง, อัสสัมชัญคอนแวนต์ ลำนารายณ์, เซนต์โยเซฟแม่แจ่ม ส่วน โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เป็นคอนแวนต์ของคณะภคินีพระหฤทัยของพระเยซูเจ้าแห่งกรุงเทพฯ
3. โรงเรียนจะเรียกนักบวชหญิง ที่แต่งกายด้วยชุดสีขาวหรือสีเทาว่า “มาเซอร์” (ma soeur) หรือในผู้ที่ตำแหน่งสูงหรือมีอาวุโสมากก็จะเรียกว่า “มาแมร์” (ma mere)13907209_318615901813313_8864613030294219225_n

            4. ทรงผม ผมห้ามทำสี ห้ามดัด ห้ามไว้ผมหน้าม้า จะผมยาว-ผมสั้นก็ห้ามซอย ให้แสกกลางผูกเปียสองข้างผูกโบว์ ขอให้เก็บผมให้เรียบร้อย อย่าให้ผมมันรุ่งริ่งๆ ออกมาหรือปลายผมยาวเกิน
5. เครื่องแต่งกาย ม.ต้น ใส่เสื้อสีขาวแขนยาว ปกเสื้อยาวลงมาผูกโบว์ และจั๊มเอว กระโปรงต้องคลุมเข่า ไม่เห็นข้อพับด้านหลัง และนักเรียนม.ปลาย ติดกระดุมคอตลอดเวลาๆ สวมเนคไท นอกจากนี้ไม่ใช้เครื่องประดับที่มีค่า ส่วนนาฬิกา แว่นตา ต้องไม่ใช้แบบแฟชั่น
6. กระเป๋านักเรียน ให้ใช้กระเป๋าหนังสีดำ และถือกระเป๋าข้างมาคู่กันได้ แต่ห้ามหิ้วกระเป๋าข้างมาเดี่ยวๆ
7. ไม่อนุญาตให้เด็กนักเรียนทำงานในวงการบันเทิงทุกกรณี
8. เด็กๆ มักนิยมสวม “ปาแตง” ศัพท์ที่ค้นกูเกิ้ลไม่เจอ เพราะเป็นโค้ดลับเฉพาะของสาวคอนแวนต์ คล้ายๆ รองเท้าสลิปเปอร์ สวมใส่เดินในชั้นเรียน มีสีน้ำเงิน ดำหรือเทา และถ้าวันไหนขัดพื้น จะวิ่งลื่นปรี๊ดๆ กันไปหลายวัน
 250px-Slippers

ที่มา : http://teen.mthai.com/education/115164.html

ผลกระทบการเรียนและสุขภาพ จากเกม Pokemon go


Pokemon go (4)



วัยรุ่นควรรู้! ผลกระทบการเรียนและสุขภาพ จากเกม Pokemon go


ยิ่งขณะนี้เป็นระยะเปิดเทอมของโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ ล่าสุด นพ.บรรจบ ชุณหสวัสดิกุล คณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ได้ออกมาระบุว่า Pokemon เป็นเกมมือถืออย่างหนึ่งที่พัฒนาขึ้นมาจากเกมจอ แต่คราวนี้เปลี่ยนมาเป็นมือถือเล่นไปเดินไป ข้อดี คือผู้เล่นได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปสถานที่ต่างๆ มากกว่าอยู่ในห้อง ส่วนข้อเสียมีดังนี้

1.เพิ่มความเสี่ยงต่อสมาธิสั้นในเด็ก  วงการศึกษาพบว่า  การเล่นเกมจอ เกมมือถืออย่างต่อเนื่องเป็นสาเหตุหนึ่งนำมาซึ่งภาวะสมาธิสั้น  ดร.ดักลาส เจนไทล์มหาวิทยาลัยไอโอวา ศึกษาเด็กสิงคโปร์จำนวน 3,000 คนอายุระหว่าง 8-17 ปีเป็นเวลา 3 ปี  ดูความถี่และระดับความรุนแรงของเกมสรุปว่า  “ผลร้ายที่เกิดขึ้นมากกว่าผลดี คือ ความตื่นเต้นเร้าใจและผลของคะแนนที่ได้รับหรือการผ่านด่านแต่ละด่านให้ผลรวดเร็วทันใจกว่ามาก มากกว่าการเรียนหนังสือที่ต้องใช้ความพยายามอดทนเรียนเป็นเวลายาวนาน ทำให้เด็กพบว่าชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีแรงกระตุ้นเร้าเพียงพอและน่าเบื่อหน่าย
Advertisement
เจนไทล์ให้ข้อสังเกตอีกว่า เด็กยิ่งใช้เวลากับการเล่นเกมจอมากเท่าไรก็จะยิ่งควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่และขาดสมาธิมากเท่านั้น  ซ้ำร้ายเด็กยิ่งมีปัญหาเรื่องสมาธิสั้นก็ยิ่งมีแนวโน้มอยากเล่นเกมจอมากขึ้น กลายเป็นวงจรก่อโรค
2.เกิดการเสพติด  การเล่นแต่ละครั้งใช้เวลาเล่นเป็นชั่วโมงๆ หรือค่อนวัน ทำให้เด็กที่อยู่ในวัยเรียน ต้องเสียเวลาแลอาจเสียอนาคตได้ นอกจากนี้ “การต่อสู้” และ “ความพึงพอใจ” ที่ได้จากในเกม   หรือแม้แต่การ “ความพึงพอใจที่จับ Pokemon พันธุ์หายาก” ได้ จะทำให้สมองหลั่งสาร Dopamine ซึ่งกระตุ้นให้เร่งเร้า และตอบสนองเป็นความพึงพอใจไปเรื่อยๆ  คล้ายกับเวลาที่คนเราเล่นไพ่  เซลล์สมองจะได้รับสาร Dopamine ไปเรื่อยๆและอยากเสพต่อๆไป  นี่คือกลไกของการติดเกม
3.เสี่ยงที่จะเกิด Office syndrome และกระดูกทับเส้น ท่าทางในการเล่นที่ต้องก้มหน้า โก่งคอ ง่ายต่อการเกิดปวดเมื่อยคอบ่าไหล่ ต้นแขน เกิดโรค Fibromyalgia กระทั่งกระดูกคอกดทับเส้นประสาทได้
4.เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ พลัดตก หกล้ม ในต่างประเทศมีผู้เล่นที่พลัดตกเหวเสียชีวิตมาแล้ว
5.เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม เนื่องจากการตั้งเสา ใครก็สามารถขอตั้งที่ไหนก็ได้ จึงเคยมีเคสที่ผู้เล่นถูกดึงดูดไปยังสถานที่เปลี่ยว แต่กรณีนั้นเอะใจก่อน กลับไปเรียกตำรวจ

และสุดท้ายที่นพ.บรรจบ ขอเสริมก็คือ อย่างที่ทราบว่า “Pokemon Go เป็นระบบเครือข่าย internet ที่สัมพันธ์กับ Facebook, Google ของประเทศมหาอำนาจโดยใช้ระบบ GPS แต่เจาะลึกเข้าถึงบ้านเรือน ห้องหอ ข้อมูลส่วนตัวของทุกๆคน   อาจมีผลกระทบถึงความปลอดภัยแห่งชาติหรือไม่?  ถ้าข้อมูลแผนผังสำนักงาน องค์กรรัฐบาล ถูกเก็บรูปภาพส่งขึ้นศูนย์ข้อมูลของ Google ที่ควบคุมโดยประเทศมหาอำนาจ”
พร้อมกับสรุปว่า “Pokemon เป็นเกมแห่งการเสพย์ติด เหมือนเวลาคนเล่นไพ่ ติดได้งอมแงม เล่นได้ไม่เกินวันละ ½ ชม. หรือทางที่ดี เด็กเล็กในวัยที่ต้องการพัฒนาการทางสมองและระบบประสาท ไม่ควรเล่น เด็กโต อาจติดเกมจนเสียการเรียนได้  พ่อแม่ต้องควบคุมใกล้ชิด และ วัยรุ่นนักเรียนนักศึกษา ถ้าจะเล่น ต้องแบ่งเวลาเรียนให้ดีเสียก่อน  ระวัง! อุบัตเหตุ ระวัง! ถูกล่อไปสู่สถานที่เปลี่ยว ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ วัยทำงาน เล่นอย่าให้เสียงาน ระวัง office syndrome ปวดคอบ่าไหล่ กระดูกทับเส้น” วัยรุ่นควรรู้! ผลกระทบการเรียนและสุขภาพ จากเกม Pokemon go